วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2559

Medicare card & ระบบประกันสุขภาพ

ห่างหายจากการเขียนบล็อกไปนานมว๊ากกก แม่หมีแอบหนีร้อนจากออสช่วงเดือนกุมภาพันธ์กลับไปเที่ยวเมืองไทยมา 2 เดือน กลับมาถึงได้ของแถมกลับมาเป็นผื่นภูมิแพ้ชนิด  Dyshidrotic Eczema ที่มือทั้ง 2 ข้าง นอกจากจะคันแบบไม่มีที่สิ้นสุดแล้วยังเป็นแผลจากการเกาอีก โอ้ว แม่เจ้า ทั้งเจ็บ ทั้งแสบ ทั้งคัน แถมอากาศที่เมลเบิรน์ตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้ว ประมาณ 14-17 องศาเซลเซียส อากาศแห้งๆแบบนี้ยิ่งทำให้แผลที่เป็นแห้งไปใหญ่ ประจวบกับนิ้วมือที่เกาก็บวมคล้ายจะติดเชื้อเข้าไปอีก นี่ถ้าเป็นเมืองไทยแม่หมีคงเดินไปร้านขายยาปรึกษาเภสัชกรและได้ยาฆ่าเชื้อมาทานบรรเทาอาการไปบ้างแล้ว แต่ที่นี่ระบบประกันสุขภาพค่อนข้างจะเคร่งครัด จนบางทีแม่หมีรู้สึกว่ามันเยอะและช้าไปเสียด้วยซ้ำ

การจะได้รับยาและใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพของที่นี้นั้น เราจะต้องไปลงทะเบียบขอรับ Medicare Card ก่อนนะเพื่อนๆ แล้ว Medicare Card คืออะไร ?
Medicare Card เปรียบเหมือนบัตรประกันสุขภาพ คุ้มครองค่ายาและค่ารักษาพยาบาลในกรณีเจ็บป่วย หากเราเจ็บป่วยและเข้ารับการรักษาใรโรงพยาบาลของรัฐ หรือคลินิคที่ระบุว่าเป็น Bulk Billing เราจะได้รับค่ารักษาพยาบาลฟรีทั้งหมด ไม่ต้องสำรองจ่าย และยังได้ส่วนลดสำหรับค่ายา แต่ถ้าเราไปหาคลินิคเอกชนจะมีส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่ม  หากไม่มี Medicare Card เราจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่ายาเต็มจำนวน ซึ่งค่าใช้จ่ายค่ายาและค่ารักษาพยาบาลที่นี่ค่อนข้างแพงมาก

เครดิตภาพจาก Google
การจะได้บัตร Medicare Card ขึ้นกับชนิดวีซ่าและเงื่อนไขที่ระบุไว้ แม่หมีเองไปขอบัตร Medicare  Card ตอนระหว่างรอวีซ่าคู่สมรส เอกสารที่ใช้ได้แก่ พาสปอร์ตไทย, เอกสารการยื่นวีซ่าคู่สมรสจากทางสถานฑูต, ใบทะเบียนสมรส แล้วก็เอกสารสำคัญก็คือ พ่อหมี เพราะเงื่อนไขระบุว่าเราจะต้องมีหลักฐานแสดงว่าคู่สมรสเป็นชาวออสเตรเลีย เอาพ่อหมีไปสบายใจที่ซู้ดดด โดยนำเอกสารทั้งหมดพร้อมแบบฟอร์มลงทะเบียนนขอ Medicare Card ไปติดต่อที Centerlink ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาพยาบาล, การเลี้ยงดูบุตร, การหางาน, การช่วยเหลือผู้อพยพย้ายถิ่นฐานมาใหม่ เป็นต้น แต่พอตอนยื่นๆจริงนะ เอกสารทุกอย่างมันออนไลน์ในระบบอยู่หมดแล้ว สุดท้ายไม่ได้ใช้เอกสารที่นำไปด้วยซักอัน เจ้าหน้าที่แค่ขอพาสปอร์ตแล้วก็กรอกข้อมูล จากนั้นก็พิมพ์บัตร Medicare Card ในกระดาษ A4 ให้ใช้ชั่วคราว โดยบัตรจะถูกส่งมาที่บ้านอีกทีภายใน 1-2 สัปดาห์

หลังจากที่แม่หมีได้เลขที่  Medicare Card แล้ว แม่หมีก็โทรไปจองคิวตรวจกับหมอที่คลินิคเอกชนแถวบ้าน รีบกระหืดกระหอบมาที่คลินิค ปรากฎว่านั่งรอจนหลับแล้วหลับอีก เฮ้อออออออ คุ้นๆและคล้ายๆกับระบบบริการสุขภาพแถวบ้านเรายังไงไม่รู้ จองไว้ 11.30 ได้ตรวจจริงเกือบ 12.30 นี่ขนาดจองเวลาแล้วนะเนี่ยะ อ้อ...ลืมบอกไป ที่นี้ไม่ใช่ว่าเราจะเดินทะเล่อทะล่าเข้าไปหาหมอได้นะจ๊ะ ต้องจองคิวกันก่อน แล้วค่าตรวจเนี่ยะเค้าคิดกันตามระยะเวลา เช่น Normal Consultation 74 AUD , Long Consultation 100 AUD เป็นต้น อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างนะคะคุณขาาาาา เวลาเค้าเป็นเงินเป็นทอง ต้องรีบคุยรีบปรึกษากันเลยทีเดียว หาหมอเสร็จหมอก็จะให้ใบสั่งยาเรามา ใบสั่งยาที่ได้เราจะต้องนำไปซื้อยาที่ร้านขายยาเอง พอเรานำใบสั่งยาไปยื่น ทางเภสัชกรจะบันทึกแลขที่ Medicare Card และประวัติการใช้ยาของเรา ชำระเงินเสร็จเรียบร้อยได้รับยาและคำแนะนำการใช้ยา ลัลลา ตัวเบากลับบ้านกันไปเลย

ฟังดูแล้วกระบวนการค่อนข้างจะยุ่งยาก แต่ถ้ามองในแง่ดีแล้วรัฐบาลเค้าต้องการให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพขั้นพื้นฐานของตนเองให้ดีก่อน ไม่ใช่เอะอะก็ไปโรงพยาบาลหาหมอ จากประสบการณ์ทำงานในโรงพยาบาลของแม่หมี บางทีคนไข้ได้ยาไปแต่ไม่กินก็มี เสียดายทั้งเงิน ทั้งยา นอกจากนี้ยังควบคุมการใช้ยาไม่ให้เกินความจำเป็น แต่อย่างว่าอะนะ แม่หมีเองก็ติดระบบจากเมืองไทย ใจเราก็อยากรักษาเร็วได้ยาเร็ว ก็คงต้องเรียนรู้และปรับตัวกันไป คงต้องดูแลตัวเองดีๆ หากไม่อยากต้องเสียเงินแพงๆ รอคิวนานๆ ตามคำที่ว่า "อโรคยา ปรม ลาภา การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ" ว่าแล้วแม่หมีคงต้องไปกินยาและนอนพักผ่อน ปล่อยให้พ่อหมีล้างจาน ทำงานบ้านไปก่อนละกัน อิอิ สบายเรา

YOU KNOW YOU LOVE ME ....XoXo
แวะมาพูดคุยหรือติดตามเรื่องราวรายวันสไตล์แม่หมีได้ที่ https://www.facebook.com/thekoalagang 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น