วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ว่าด้วยเรื่องอาหารการกิน

แค่หัวข้อเรื่องก็ทำให้แม่หมีมือเท้าสั่นกันเลยทีเดียว เรื่องของอาหารการกินเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แม่หมีให้ความสนใจมากกกกก เป็นพิเศษ คือแบบว่าอิฉันไม่ได้ตะกละเห็นแก่กินนะคะคุณขา แต่มันเป็นธรรมชาติของอิฉันมาตั้งแต่เกิด (คำแก้ตัวน้ำขุ่นๆ) ที่ผ่านมาแม่หมีก็ได้มีโอกาสแอบตระเวนชิมอาหารต่างบ้านต่างเมือง ทำให้สังเกตเห็นว่าอาหารที่นี่มักจะมาในขนาดใหญ่ ถึงใหญ่พิเศษ มิน่าล่ะหนุ่มสาวที่นี่ถึงได้รูปร่างกำยำเสียเหลือเกิน (แอบกลืนน้ำลาย 2 ที)

หลักฐานยืนยันว่าอาหารที่นี่มาด้วยไซส์ใหญ่จริงๆ

ปกติผู้คนที่นี่ส่วนใหญ่จะทำอาหารกินเองที่บ้าน มีบ้างที่ออกไปกินข้างนอก เช่นงานสังสรรค์ พบปะเพื่อน คือความถึ่ในการออกไปกินอาหารนอกบ้านอาจจะไม่เท่าเมืองไทยบ้านเราซึ่งอุดมไปด้วยอาหารแทบจะทุกตรอกซอกซอย พ่อหมีเองก็ห่อข้าวกลางวันไปกินที่ทำงานทุกวัน แถมบางทีพ่วงอาหารเช้ากับของว่างไปอีก (ไม่รู้ว่าจะสร้างความสมบูรณ์ไปถึงไหน) อันที่จริงเหตุผลก็คือ ที่ออสไม่เหมือนบ้านเราที่เดินเข้าตรอกไหนซอยไหนก็มีอาหารตามสั่ง มีของกินหากินได้ง่าย 24 ชั่วโมง ,7-11 ที่ไทยมีแทบทุกจุดจนแทบจะใช้เป็นตัวชี้วัดพื้นที่ทุรกันดารกันได้เลยทีเดียว รวมไปถึงสนนราคาค่าอาหารต่อมื้อของที่นี่ ถ้าจะต้องซื้อกินทุกวันชาวออสซี่ทั้งหลายก็อาจจะต้องปาดเหงื่อกันเลยทีเดียว
ในฐานะแม่หมีอย่างอิช้านนนน เลยจำเป็นที่จะต้องสวมวิญญาณเชฟกระทะเหล็ก (ขึ้นสนิม) มือถือไมค์ ไฟส่องหน้า เอ้ย! ไม่ใช่ หมีแกว่งควงตะหลิวไป ควันไฟเต็มหน้า เพื่อปากท้องของแก๊งค์หมีเราไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย จีน ฝรั่ง ญี่ปุ่น ขอให้ request มา โดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่นเนี่ยะ ขอให้บอกถนัดนัก แค่ฉีกซองชงในน้ำร้อน 3 นาที (บางทีไม่ถึง 3 นาทีถ้าหิวจัด อิอิ) เรื่องเมนูอาหารของคุณพ่อหมีถ้าไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงและสติปัญญา อิฉันก็พอจะทำได้อยู่  (กินได้ไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที) ดีหน่อยที่พ่อหมีเลี้ยงง่าย เลยสบายเรา อิอิ

อาหารที่บ้านง่ายๆสไตล์แม่หมี
แม่หมีไม่ได้เป็นเชฟกะเค้าหรอกนะ อาศัยค้นเอาตามอินเทอร์เน็ต เดี๋ยวนี้แหล่งข้อมูลดีๆมีให้หาให้ค้นเยอะแยะ ไม่ต้องไปเรียนที่ไหนให้วุ่นวาย นั่งอยู่กะบ้านก็เรียนทำอาหารได้ลองผิด ลองถูกไปเรื่อยๆ ลองกะใครอ่ะหรอ ก็หมีทดลองที่บ้านไงสิค่ะคุณขา ยังไงก็บังคับให้กินจนได้ กินแล้วชมได้แต่ห้ามติ คริ คริ (อันนี้ล้อเล่น) แหม ก็ต้องมีการใช้อำนาจของหัวหน้าแก๊งค์กันบ้าง (สถาปนาตนเอง) หากคุณๆสนใจเข้าไปติดตามชมเมนูอาหารง่ายๆสไตล์แม่หมีได้ที่  https://www.facebook.com/thekoalagang ครัวง่ายๆสไตล์แม่หมีนะจ๊ะ นอกจากเรื่องกินๆ ก็ยังมีเรื่องเล่าตามไลฟ์สไตล์แบบรายวันแบบหมีๆ เผื่อคุณๆที่รักของอิฉันจะสนใจ ครั้งหน้าแม่หมีจะตะลุยตลาดเมืองออสแล้วมาเล่าให้ฟังนะว่าต่างจากบ้านเรายังไง อย่าลืมติดตามแม่หมีตะลุยออสช่วงคริสต์มาสด้วยนะจ๊ะ แล้วเจอกัน

YOU KNOW YOU LOVE ME ....XoXo
แวะมาพูดคุยหรือติดตามเรื่องราวรายวันสไตล์แม่หมีได้ที่ https://www.facebook.com/thekoalagang 

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ตกหลุมรักเธออ่ะ เมลเบิรน์

                   เวลาพูดถึงออสเตรเลียส่วนใหญ่เรามักจะนึกถึง ซิดนีย์ นึกถึง Opera House  จนเกือบลืมไปแล้วว่าเมืองหลวงของออสเตรเลียคือเมืองแคนเบอร่า  อันที่จริงออสเตรเลียมีเมืองใหญ่ๆ อยู่มากมายเลยนะ ไม่ว่าจะเป็น ซิดนีย์ เมลเบิรน์ เพิรธ์ แคนเบอร่า บริสเบน ดาร์วิน อะดีเลด  อ้อ.....เกือบลืม ยังมีเกาะแทสมาเนียด้วย พื้นที่ในออสเตรเลียแบ่งเป็น   6 รัฐ แต่ละรัฐเองก็มีสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่ต่างกันเนื่องจากมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง
               
Credit ภาพจาก Google

               รัฐอื่นๆแม่หมีก็ไม่ค่อยรู้หรอกนะ แต่กะว่าจะพยายามหาโอกาสหนีเที่ยวให้ได้มากที่สุด คริ คริ แม่หมีอยู่แถวชานเมืองที่เมลเบิรน์ รัฐวิคตอเรีย เมืองเมลเบิรน์เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของออสเตรเลียและเป็นเมืองหลวงของรัฐวิคตอเรีย ใครที่ชอบดูตึกอาคารสถาปัตยกรรมสวยๆงามๆ พลาดไม่ได้เลยนะคะคุณขา นอกจากจะมีสถาปัตยกรรมแบบยุโรปแล้ว ยังมีสถาปัตยกรรมออกแนวร่วมสมัยกระชากใจวัยรุ่นด้วยนะ โดยเฉพาะที่ Federation Square มักจะมีการจัดแสดงผลงานทางศิลปะแนวแปลกๆใหม่ๆ ตามถนนหนทาง หรือจะแวะไปดูตึกอาคารแนวยุโรปแถวสถานีรถไฟ Flinder station หรือโบสถ์ St.Paul Catherdral ในสไตล์ Gothic ก็ได้อารมณ์คลาสสิคไปอีกแบบ เรียกได้ว่าตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย

Flinders Street Station สถานีรถไฟศูนย์กลางของเมืองเมลเบิรน์ 

             
อาคารสถาปัตยกรรมแบบยุโรปและรถรางวิ่งรอบเมืองฟรี

โบสถ์ St.Paul Cathedral สถาปัตยกรรมแบบ Gothic
                   

ใครอยากได้บรรยากาศนั่งรถม้าชิล ชิล ชมรอบตัวเมืองก็มีนะ
 
                นอกจากนั้น เรายังสามารถพบรูปแบบงานศิลปะแนวใหม่ๆ ร่วมสมัยได้อีกทุกซอกทุกมุมของเมลเบิรน์ แม่หมีว่ามันสนุกดีนะ เหมือนเราเดินตามลายแทงขุมสมบัติ เพื่อออกหางานศิลปะที่ซุกซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ แถมเป็นการผสมผสานผลงานทางศิลปะที่ออกมาได้อย่างลงตัว




ผลงานศิลปะมากมายที่สามารถพบได้ตัวเมืองเมลเบิรน์

                  ใครที่ไปเที่ยวในตัวเมืองเมลเบิรน์แล้วก็คงไม่พลาดแวะชมความงามของแม่น้ำ Yarra แม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านตัวเมืองเมลเบิรน์ ประหนึ่งดังเจ้าพระยาบ้านเรากันเลยทีเดียว

Yarra River
                   

บรรดาคู่รักทั้งหลายที่นิยมนำลูกกุญแจเขียนชื่อไปแขวนตามราวสะพาน
Yarra Pedestrian Bridge ,Melbourne

                     เมลเบิรน์เองก็ไม่ตกกระแสคล้องกุญแจคู่รักตามราวสะพานเหมือนกันนะ ภาพนี้แม่หมีถ่ายไว้เมื่อตอนไปเที่ยวช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2015 แต่หลังจากนั้นประมาณเดือนพฤษภาคมได้ข่าวว่าทางการได้ทำการถอดกุญแจที่คล้องตามราวสะพานทั้งหมด เพื่อป้องกันปัญหาด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากจำนวนแม่กุญแจมากกว่า 20,000 ชิ้นที่แขวนอยู่บนราวสะพาน และลูกกุญแจมากกว่า 40,000 ดอกในแม่น้ำ Yarra

มีบริการ River Cruise ล่องชมตัวเมืองในแม่น้ำ Yarra ด้วยนะจ๊ะ

                   จากฝั่งสถานี Flinders Street Station เดินข้ามสะพานเดินเท้า Yarra Pedestrian Bridge มาอีกฝั่งหนึ่งจะเป็นส่วนที่เรียกว่า Southgate  เป็นแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร คาเฟ่ เรียกว่าเป็นสวรรค์ของแม่หมีเลยทีเดียว คริ คริ


แหล่งร้านค้า อาหาร ร้านกาแฟ ช้อปปิ้งอีกแห่งหนึ่งตลอดแนวแม่น้ำ Yarra


ร้านกาแฟน่ารักๆ นั่งจิบกาแฟไปแอบแหล่หนุ่มสาวชาวเมลเบิรน์ไป ฟินเว่อร์ 


ร้านอาหารย่าน Southgate ตลอดแนวแม่น้ำ Yarra นั่งรับลมชิลชิล

       
        ส่วนตัวแล้วแม่หมีชอบไปที่ Royal Botanic Gardent and Kings Domain ประมาณว่าเป็นสวนพฤกษศาสตร์บ้านเรา มีต้นไม้พรรณไม้หลากหลายชนิดจากหลายมุมโลก สวนกว้างใหญ่มาก เคยพยายามจะเดินให้ครบทุกซอกทุกมุม โอ้...แม่เจ้า! ขาเดี้ยงกันเลยทีเดียว จำได้ว่าตอนไปครั้งแรก เดินวนหาอยู่นานมากกว่าจะเจอเล่นเอาเสียเหงื่อกันไปเยอะทีเดียว แต่พอได้เข้าไปความรู้สึกขอบอกว่าฟินมากจร้า ร่มรื่นเป็นที่สุด

แผนที่แสดงพื้นที่ภายใน Botanical Garden เผื่อหลงทางเพราะกว้างใหญ่มาก



                 
                  แม่หมีเองยังเที่ยวตัวเมืองไม่หมดนะ ค่อยๆเก็บไปทีละจุด จะได้เข้าตัวเมืองบ่อยๆ (แอบบอกว่านี่เป็นแผน) ในส่วนของย่านธุรกิจหรือที่เรียกว่า CBD (Central Business District) ช่วงวันจันทร์-ศุกร์ก็ค่อนข้างจะวุ่นวายหน่อย อย่างว่านะย่านธุรกิจ ผู้คนทำงานอารมณ์อาจจะประมาณ เพลินจิต สีลมบ้านเรา บางทีแม่หมีก็อยากไปดูความวุ่นวายเหมือนกัน แต่พ่อหมีทำงานแถว CBD ทุกวัน บอกเบื่อขี้เกียจพาแม่หมีเข้าไปแถวนั้น เชอะ วันหลังแอบนั่งรถไปเองก็ได้
                  ยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายในตัวเมืองที่แม่หมีอยากไป เอาไว้แอบหนีไปเที่ยวเมื่อไหร่ จะพยายามเก็บรูปสวยๆ (ออกตัวก่อนว่าแม่หมีถ่ายรูปไม่ค่อยเก่งนะ) กับเรื่องสนุกๆมาเล่าให้ฟังอุ๊บส์....ก่อนจากกันฝากรูปสวยๆไว้อีก 2 รูป ว่าแล้วก็ขอตัวไปวางแผนเที่ยวสุดสัปดาห์นี่ก่อนดีกว่า WooHoo !!!!

อนุสาวรีย์ Edward VII ใน Queen Victoria Garden,Melbourne





YOU KNOW YOU LOVE ME ....XoXo
แวะมาพูดคุยหรือติดตามเรื่องราวรายวันสไตล์แม่หมีได้ที่ https://www.facebook.com/thekoalagang 

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ไปเที่ยวออสกัน ไปเที่ยวออสกัน

                ต่อจากภารกิจจดทะเบียนสมรสไปเมื่อครั้งที่แล้ว ตอนแรกแม่หมีกะจะเขียนเรื่องการขอวีซ่าคู่สมรสต่อ แต่คิดไปคิดมาแม่หมีว่าคุณๆอีกไม่น้อยที่อยากไปเที่ยวออสเตรเลีย โดยเฉพาะช่วงใกล้หยุดยาวเทศกาลงานบุญที่จะมาถึง แม่หมีเลยขอวกกลับมาออก step ที่การขอวีซ่าท่องเที่ยวก่อนล่ะกัน


                                     

                   จริงๆแล้วถ้าคุณๆลองค้นหาข้อมูลตามอินเทอร์เน็ตจะมีกูรูหลายท่านเลยทีเดียวที่เขียนเอาไว้มากมายเลยทีเดียว เพราะปัจจุบันนี้คุณๆสามารถยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลียแบบอออนไลน์ได้แล้ว ยังจำได้ว่าสมัยแม่หมียังไม่มีแบบออนไลน์ ต้องห้อยโหนโจนทะยานไปยื่นที่ VFS กันเลยทีเดียว อ้อ....ลืมบอกไป VFS เป็นหน่วยงานตัวแทนของสถานฑูตออสเตรเลีย กรณีที่เราต้องการยื่นขอวีซ่าออสเตรเลียประเภทต่างๆ เราสามารถเข้าไปที่เว็ปไซต์เพื่อศึกษาข้อมูล เอกสารที่ต้องใช้ยื่น รวมไปถึงค่าธรรมเนียมวีซ่าแต่ละประเภท สรุปง่ายๆก็คือการยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวของออสเตรเลียสามารถทำได้ 2  วิธีการใหญ่ๆคือ
  1. ยื่นผ่าน VFS โดยที่คุณๆสามารถนำเอกสารไปยื่นด้วยตนเองที่สำนักงาน VFS ซอยนานา 13 อาคาร Trendy ชั้น 28   แม่หมีนั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานีนานา เดินออกทางออกที่ 3 แล้วเดินบริหารกล้ามเนื้อขาอีกนิสนึงก็ถึงแล้ว หรือจะส่งเอกสารผ่านทางที่ทำการไปรษณีย์ที่ให้บริการทั้ง 16 แห่ง ก็ได้ วิธีการยื่นสามารถหาได้จากเว็ปไซต์ของทาง VFS เลยจร้า
  2. ยื่นออนไลน์ กรณียื่นออนไลน์เราจะต้องสมัครเพื่อขอ Immiaccount ก่อนนะจ๊ะ พอได้ account มาแล้วถึงจะ log in เข้าไปยังหน้าเว็ปไซต์แล้วทำการกรอกข้อมูล, upload เอกสารประกอบการขอยื่นวีซ่า และชำระค่าธรรมเนียม มีท่านกูรูเขียนอธิบายไว้ในกระทู้พันทิป step by step ดีมากเลยทีเดียวขออนุญาตท่านเจ้าของกระทู้นำมาโพสต์ไว้นะจ๊ะ http://pantip.com/topic/33377717
                     ตอนนี้ค่าธรรมเนียมวีซ่าท่องเที่ยวอยู่ที่ 3,550 บาท หากเลือกที่จะยื่นผ่านทาง VFS อาจมีค่าธรรมเนียมในการบริการเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อยนะจ๊ะ แต่เบ็ดเสร็จไม่น่าจะเกิน 5,000 บาท ส่วนแบบฟอร์มใบสมัครสำหรับยื่นวีซ่าท่องเที่ยว เราจะใช้ฟอร์ม 1419 มีให้เลือกทั้งรูปแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เลือกได้ตามความสะดวกเลยจร้า ในส่วนของเอกสารประกอบการยื่นก็สามารถดูจากเว็ปไซต์ของ VFS ได้เช่นเดียวกัน แม่หมีเองก็เตรียมเอกสารตามรายการเอกสารประกอบการสมัครจากเว็ป 
                   เชื่อว่าถ้าคุณๆลองทำดูแล้วจะรู้ว่าเราเองก็สามารถทำได้ ข้อสำคัญควรเตรียมเอกสารให้พร้อม เอกสารหลักฐานแสดงด้านการเงินควรมีความชัดเจนมีที่มาที่ไป คุณอาจไม่จำเป็นต้องมีเงินในบัญชีมากมายแต่คุณจะต้องมีหลักฐานที่แสดงว่าคุณไปเที่ยวแล้วจะกลับมาไทยนะจ๊ะ ไม่ใช่ไปแล้วหนีหาย ขอให้เพื่อนๆทุกคนโชคดีได้วีซ่ามาท่องเที่ยวออส แวะดูโคอาล่า ไปหาจิงโจ้ แล้วอย่าลืมแวะมาเยี่ยมแม่หมีบ้างนะ

* ข้อมูลปี พ.ศ. 2558

YOU KNOW YOU LOVE ME.....XoXo
แวะมาพูดคุยหรือติดตามเรื่องราวรายวันสไตล์แม่หมีได้ที่ https://www.facebook.com/thekoalagang 


วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

นัดกันที่อำเภอ

                         

สวัสดีจร้าวันนี้แม่หมีกลับมา say Hello กันอีกครั้ง ช่วงนี้ที่เมลเบิรน์เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว พูดแบบภาษาฝรั่งก็แบบว่า Spring อะไรประมาณเนี้ยะ ช่วงนี้อากาศกำลังเย็นสบาย แต่บางวันฝนตกปรอยๆ พอสายๆแดดเปรี้ยงแถบละลายกันเลยทีเดียว ขนาดยังไม่เข้าหน้าร้อนนะเนี้ยะ พ่อหมีบอกว่าเดือนธันวาคมเข้าหน้าร้อนบางทีเกือบๆ 40 องศาเซลเซียสกันเลยทีเดียว


                          
                        
             
                   อย่างที่เกริ่นกับคุณๆทั้งหลายไปครั้งก่อนว่า แม่หมีเพิ่งย้ายถิ่นฐานมาออสเตรเลียได้ซักพัก กำลังพยายามเรียนรู้ ปรับตัวกับที่อยู่ อาหารการกิน การดำรงชีวิตใหม่ๆที่นี่ บางครั้งว่างจัดเลยมานั่งระลึกความหลังเล่นๆว่ากว่าจะได้มาเป็นแม่หมี import ที่ออสเตรเลียนี่ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดกันนะจ๊ะคุณขา แม่หมีกับพ่อหมีต้องช่วยกันเตรียมเอกสารอีกเยอะแยะ  แค่ความรักอย่างเดียวคงไม่พอ ยังต้องมีเอกสารหลักฐานราชการมาเกี่ยวข้องอีกเยอะ มีแอบบ่น งุงิ งุงิ  แม่หมีเองก็รู้สึกท้อกับงานเอกสารทั้งหลายทั้งปวงเหมือนกันแต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี อิอิ พอมาถึงตอนนี้เลยอยากช่วยคุณๆที่กำลังเตรียมตัวมาเป็นสะใภ้โคอาล่า สะใภ้จิงโจ้เหมือนแม่หมีกันบ้าง เผื่อว่าอะไร อะไรจะง่ายขึ้น ข้อมูลที่แม่หมีเขียนมาจากประสบการณ์ของแม่หมีเองนะจ๊ะ ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็ลองเอาไปปรับใช้เป็นแนวทางล่ะกันเนอะ ไม่ต้องยึดติดทั้งหมด

                  หลังจากแม่หมีและพ่อหมีตกลงปลงใจแต่งงานกันอย่างเป็นทางการแล้ว ขั้นตอนต่อไปในชีวิตของแม่หมีกับพ่อหมีก็คือจดทะเบียนสมรส แม่หมีเลือกจดทะเบียนสมรสที่ไทย ทำไมอ่ะหรอ แหะ แหะ ก็ไม่มีอะไรมากแค่สะดวกทั้งแม่หมีและพ่อหมี จริงๆแล้วมันก็มีข้อดีข้อด้อยของการจดทะเบียนสมรสที่ไทยและที่ออส แต่แม่หมีขอข้ามประเด็นเหล่านี้ไปนะจ๊ะ หลังจากผ่านการค้นคว้าและกลั่นกรองจากสมองอันบวมของหมีทั้ง 2 แล้ว ปฏิบัติการพิเศษนี้จึงเริ่มขึ้น เริ่มจาก
  • ใบรับรองโสด การจะได้ใบรับรองโสดของพ่อหมีชาวออสซี่นั้น จะต้องให้พ่อหมีออสซี่ไปติดต่อที่สถานฑูตออสเตรเลียแถวถนนสาธรด้วยตนเองนะจ๊ะ แนะนำให้ไปแต่เช้า สถานฑูตเปิด 8.30 น.  ถ้าจะจดทะเบียนสมรสที่ไทยจะต้องขอใบรับรองโสดที่ไทยเท่านั้น  ใบที่ขอจากออสใช้ไม่ได้นะ ไปถึงที่สถานฑูตจะมีแบบฟอร์มคำร้องให้กรอก พอกรอกเสร็จก็ยื่นกับเจ้าหน้าที่พร้อมชำระค่าธรรมเนียม ตอนนั้นจำได้คร่าวๆว่าค่าธรรมเนียมประมาณ 500 กว่าบาท อ้อ...อย่าลืมนำพาสปอร์ตของพ่อหมีไปด้วย วันนั้นแม่หมีกับพ่อหมีนั่งรอไม่เกิน 10 นาทีก็ได้รับใบรับรองโสดแล้วจร้า เพิ่มเติมอีกนิสนึง ถ้าชายชาวออสซี่เคยมีประวัติการหย่ามาก่อนจะต้องนำใบหย่าฉบับจริงไปประกอบการขอใบรับรองโสดด้วยนะ
  • ได้ใบรับรองโสดแล้วก็รีบบึ่งไปที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ นำใบรับรองโสดที่ได้ไปแปลเป็นภาษาไทย แม่หมีแปลที่ร้านแปลบ้านทรงไทยฝั่งตรงข้าม ราคาประมาณ 300 บาทต่อใบ แปลเสร็จแล้วก็เอาเอกสารแปลและใบรับรองโสดตัวจริงไปรับรองการแปลที่ชั้น 3 กรมการกงสุลได้เลย อ้อ......อย่าลืมตรวจทานชื่อ-สกุลให้ถูกต้องก่อนนะจ๊ะ 
  • ขั้นตอนการรับรองการแปล ไปที่ชั้น 3 กองสัญชาติและนิติกรณ์ จะมีแบบคำร้องให้กรอก กรอกเสร็จให้นำเอกสารยื่นที่ช่องรับเอกสารเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบและให้เรารอชำระเงิน เอกสารที่แปลถ้าแบบด่วนต้องยื่นก่อน 9.00 น.นะจ๊ะ เปิดรับแค่วันละ 50 คิวเท่านั้นราคาฉบับละ 800 บาท หากแบบธรรมดารอ 3 วันทำการ ฉบับละ 400 บาท แม่หมีเลือกแบบธรรมดา เพราะไม่รีบจร้า (แอบงก) หลังจากชำระเงินให้เก็บใบเสร็จไว้เพื่อมารับเอกสารตามวันที่ระบุไว้ 
  • หลังจากได้ใบรับรองโสดมาแล้ว คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอน "นัดกันที่หน้าอำเภอ" ได้เวลาจดทะเบียนสมรสกันเสียที เอกสารที่เราต้องเตรียมไปที่สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอ
 เอกสารสำหรับฝ่ายพ่อหมีออสซี่ ได้แก่
            ใบรับรองโสดฉบับจริง ,ใบรับรองโสดฉบับแปลที่รับรองแล้ว พร้อมสำเนา จำนวน 2 ชุด
             พาสปอร์ตตัวจริง , สำเนาหน้าพาสปอร์ตที่มีรูปถ่าย จำนวน 2 ชุด
            สำเนาพาสปอร์ตหน้าที่มีตราประทับการเดินทางมายังไทยครั้งล่าสุดจำนวน 2 ชุด
 เอกสารสำหรับแม่หมี ได้แก่
             บัตรประชาชนตัวจริงและสำเนา 2 ชุด
             ทะเบียนบ้าน และสำเนา 2 ชุด

                     พอเตรียมเอกสารครบแล้ว แม่หมีกับพ่อหมีก็ไปที่สำนักงานเขตบางรักพร้อมพยาน 2 คนนะจ๊ะ ที่เลือกเขตบางรักเพราะเห็นว่าชาวต่างชาตินิยมมาจดทะเบียนสมรสกันที่นี่ เจ้าหน้าที่ค่อนข้างมีความชำนาญในการจดทะเบียนสมรสของชาวต่างชาติ แต่ต้องขอบอกว่าที่นี่รับจดทะเบียนสมรสชาวต่างชาติแค่วันละ  15 คู่เท่านั้นน้า ถ้าเกินก็ต้องรอวันต่อไป เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะไปจดทะเบียนสมรสที่สำนักงานเขตบางรักแนะนำว่าควรไปแต่เช้ากันเลยทีเดียว แต่ถ้าไม่ทันจริงๆ สำนักงานเขตหลักสี่ หรือสำนักงานเขตอื่นๆ หรือที่ว่าการอำเภออื่นๆก็ได้นะจ๊ะ  ไปถึงที่สำนักงานเขตแล้วก็กรอกเอกสารคำร้องขอจดทะเบียนสมรส ทางเขตจะมีเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ด้านหน้าตรวจสอบเอกสารและให้คำแนะนำว่าเราต้องกรอกต้องเซ็นชื่ออะไรตรงไหนบ้าง รายละเอียดเยอะอยู่เหมือนกันนะ แม่หมีเองกรอกกันจนเมื่อยมือเลยทีเดียว จากนั้นก็นั่งรอจนกว่าจะถึงคิว เวลาที่ใช้สำหรับการจดทะเบียนสมรสเฉลี่ยประมาณ  40 นาทีต่อคู่  (อันนี้ไม่รวมเวลาที่นั่งรอคิวนะจ๊ะ) เสียค่าธรรมเนียม 40 บาท จากนั้นก็จะได้รับหนังสือสำคัญแสดงการสมรส (คร.3) และใบทะเบียนสมรส (คร.2) มานอนกอดครอบครองสมใจ คริคริ  (ได้กระดาษมาไว้เพิ่มที่บ้าน) อ้อ....อย่าลืมพาพยานไปด้วย 1 คู่นะจ๊ะ เพราะต้องมีการเซ็นรับรองในเอกสาร งานนี้แม่หมีพาพ่อกะแม่ไปเป็นพยานกิตติมศักดิ์กันเลยทีเดียว

             ตอนที่จดทะเบียนสมรส เจ้าหน้าที่จะถามว่าต้องการเปลี่ยนไปใช้นามสกุลสามีและคำนำหน้านามมั้ย สำหรับแม่หมีเองต้องการเปลี่ยนไปใช้นามสกุลสามี เจ้าหน้าที่จะทำการสลักรายละเอียดด้านหลังใบทะเบียนสมรส (คร.2) หลังจากนั้นเรานำเอกสารดังกล่าวไปแจ้งเปลี่ยนคำนำหน้านามและนามสกุล รวมถึงทำบัตรประชาชนใหม่ที่สำนักงานเขตหรือ ที่ว่าการอำเภอตามทะเบียนบ้านทีหลัง แต่ถ้ายังไม่อยากเปลี่ยน หรือไม่เปลี่ยน ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปโลด

            ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์การจดทะเบียนสมรสของแม่หมีนะจ๊ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนที่กำลังหาข้อมูลการจดทะเบียนสมรสกับชาวออสซี่ ทั้งนี้ค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายต่างๆอาจเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเนอะ อาจจะต้องหาข้อมูลกันอีกที หรือถ้าคุณๆจะมาช่วยอัปเดตข้อมูลใหม่ๆ ให้แม่หมีก็ได้นะจ๊ะ แม่หมียินดี ดูเหมือนขั้นตอนค่อนข้างเยอะยุ่งยากแต่ค่อยๆทำไปนะ เพราะต่อจากขั้นตอนนี้ไปจะเป็นขั้นตอนการขอวีซ่าคู่สมรส ความยุ่งยากจะเพิ่มมาอีกหลายสเต็ป เอาไว้ครั้งหน้าแม่หมีจะกลับมาเล่าประสบการณ์การเตรียมเอกสารเพื่อขอยื่นวีซ่าคู่สมรสนะจ๊ะ

* ข้อมูลจดทะเบียนสมรสเดือนมิถุนายน 2558

YOU KNOW YOU LOVE ME.....XoXo
แวะมาพูดคุยหรือติดตามเรื่องราวรายวันสไตล์แม่หมีได้ที่ https://www.facebook.com/thekoalagang 


วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

กำเนิดแก๊งค์หมี

                 ฮาโหล อโลฮา ดีใจลั่นล้า วันนี้แม่หมีถือฤกษ์งามยามดีศุกร์ 13 ฝันหวานประเดิมเปิดบ้านแฟมิลี่น้อยๆของแม่หมีนะจ๊ะ คุณๆทั้งหลายที่หลงทางเข้ามาในวังวน ไม่ใช่สิ...ต้องบอกว่าในบ้านของแม่หมีแล้ว อย่าเพิ่งหนีกันไปไหนนะจ๊ะ แหะ แหะ ทนอ่านให้จบก่อน หรือจะมาร่วมด้วยช่วยกันคอมเมนท์แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันก็ได้นะ ถือซะว่าเข้ามาเป็นเพื่อนกับแม่หมีเอาบุญเหอะ หุหุ คริคริ อิอิ อย่าเพิ่งกังวลว่าแม่หมีบ้า แม่หมีฉีดยามาเรียบร้อยแล้ว แต่อาจจจะฉีดยามาผิดตัว

                 เอาล่ะ เข้าเรื่องกันดีกว่าเนอะ คุณๆอาจอยากรู้แล้วล่ะซิว่าแม่หมีอยู่ที่ไหน แก๊งค์หมีมาได้ยังไง เอ่อ....ถึงไม่มีใครอยากรู้แต่แม่หมีอยากบอกอ่ะ พอเอ่ยคำว่าแก๊งค์แล้วดูยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างมากมาย แก๊งค์ของแม่หมีมีสมาชิกเยอะมากได้แก่ แม่หมีและพ่อหมี ตามสุภาษิตคำพังเพยที่เคยได้ยินกันมา "คนเเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย" อิอิ แม่หมีไม่ได้เป็นหมีธรรมดานะ แม่หมีเป็นหมีนำเข้าหรือ เรียกเท่ห์ๆว่า หมี Import กันเลยทีเดียว......พูดแล้วจะหาว่าคุย ก่อนอื่นคงต้องเท้าความกันไปถึงสมัยที่แม่หมีได้เจอกับพ่อหมีก่อน พูดแล้วเขิลชะมัด เรื่องมันมีอยู่ว่า พ่อหมีสุดหวานใจของแม่หมีไม่ใช่หมีพันธุ์ไทยน่ะสิ จะหาว่าแม่หมีชอบของนอกก็ได้นะ กร๊าก กร๊าก เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องของโชคชะตา พรหมลิขิต (โดยใครไม่รู้แหะ) แม่หมีกะพ่อหมีแอบคบหาดูใจกันอย่างเงียบๆไม่ค่อยมีใครรู้หรอก นอกจาก พ่อ แม่ พี่ น้อง ปู่ ย่า ตา ยาย เพื่อนประถม มัธยม มหาลัย เพื่อนที่ทำงาน จนไปถึงกระทรวงการต่างประเทศ แค่นั้นเอง ไม่ค่อยมีใครรู้เท่าไหร่ จนในที่สุดพ่อหมีกะแม่หมีตัดสินใจตกร่องปล่องชิ้น...เอ้ย! ไม่ใช่ ตกลงปลงใจแต่งงานกันต่างหาก จึงเกิดเป็นตำนานรักหลังต้นยูคาลิปตัสขึ้นมา กิ๊บกิ๊วววว

                                  
                         

                    มาจะกล่าวบทไปถึงพ่อหมีอันเป็นที่รักของแม่หมี พ่อหมีมีดีกรีเป็น koala โสดอ้วนป้อมจากออสเตรเลีย ส่วนแม่หมีก้อเป็นหมีโสดพันธุ์ไทยอวบอั๋นนี่แหละ (เอ่อ..แต่ไม่ใช่หมีควายนะ) เมื่อตกลงที่จะสร้างอาณาจักรแบบหมีๆของเรา ภาษาบ้านๆก็คงเป็นใช้ชีวิตร่วมกัน แม่หมีเลยต้องย้ายมาใช้ชีวิตแบบหมีหมี ที่เมืองใหม่ ประเทศใหม่ อันเป็นที่มาของการเป็นแม่หมี import กันเลยทีเดียว แม่หมีต้องหอบร่างแบบหมีหมีจากบางกอกอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนมาเกาะกิ่งต้นยูคาลิปตัสอยู่แถวๆเมืองเมลเบิรน์ ประเทศออสเตรเลีย, upgrade จากหมีไทยพันธุ์พื้นบ้านมาเป็นหมี Koala ตาโต ,เคยกินน้ำพริกปลาทูต้องมากินแฮมเบอร์เกอร์ (อิอิ ทำเป็นบ่น จริงๆกินได้หมด เรื่องกินขอให้บอก) ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้คือที่มากำเนิดของแก๊งค์หมี นี่เอง เอวัง...ด้วยประการฉะนี้

                        พิมพ์ไปพิมพ์มาเหลือบไปมองนาฬิกา โธ่....หมดเวลาเวิ่นเว่อพร่ำเพร่อของแม่หมีแล้วหรอเนี่ยะ คุณๆที่รักทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาอ่านบทความเปิดบ้านของแม่หมีสามารถติชมให้กำลังใจกันได้นะจ๊ะ อย่าปล่อยให้แม่หมีคอยเก้อ แม่หมีจะพยายามเอาประสบการณ์สไตล์บ้านๆ กับการผจญภัยใหม่ของแม่หมีมาแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอนะ ขอสัญญาด้วยอุ้งเท้าหมีกันเลยทีเดียว แล้วเจอกับแม่หมีใหม่ในครั้งหน้านะจ๊ะ เดี๋ยวแม่หมีขอออกไปเก็บใบยูคาลิปตัสหอม หอม มาไว้ให้พ่อหมีก่อน กลัวพ่อหมีโมโหหิวววว กริ้วกร้าววววววว แล้วเจอกันใหม่นะ รักนะ จุ๊บุจุ๊บุ.....

YOU KNOW YOU LOVE ME ....XoXo
แวะมาพูดคุยหรือติดตามเรื่องราวรายวันสไตล์แม่หมีได้ที่ https://www.facebook.com/thekoalagang